คำแนะนำการใช้

วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกัน เพื่อการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ และ เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้ โดยผลลัพธ์ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรศึกษาข้อมูลก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง

01

ทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นลำดับแรก (ไม่แนะนำครีมไวท์เทนนิ่งหรือครีมลดเลือนริ้วรอย)

ทั่วใบหน้า เช้า และเย็น เพื่อช่วยลดการระคายเคืองผิวจากธรรมชาติของสาร BHA ทำให้การรักษาสิว รอยดำ หมองคล้ำ ฝ้า กระเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  สำหรับผู้มีปัญหาผิวหน้าแห้ง ลอก แดง ขุย แนะนำให้ทาเฉพาะครีมมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างเดียวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อน เพื่อขจัดปัญหาผิวระคายเคืองที่อาจจะตามมาได้ง่ายหลังเริ่มต้นดูแลสิว

02

ทา Prof. BHA Plus Serum ในลำดับถัดไป

ทั่วใบหน้าบางๆ ในผู้ที่ยังไม่เคยใช้ Prof. BHA Plus Serum มาก่อน ใน 2 สัปดาห์แรกแนะนำทาเฉพาะช่วงเวลาเย็น หลังจากนั้นหากไม่มีปัญหาใดๆ สามารถปรับมาทาเป็นเช้า เย็น ได้ สามารถใช้ควบคู่กับยาสิวอื่นๆ ได้ อาทิ คลินด้ามัยซิน (คลินด้าเอ็ม หรือคลินด้าเจล) เป็นต้น โดยทายาดังกล่าวเป็นลำดับถัดๆ ไปต่อจาก Prof.BHA Plus serum  ยกเว้น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (เบนแซค) ให้ทาก่อนล้างหน้า ทิ้งไว้ 5 - 10 นาทีเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องคลีนหน้าหรือล้างหน้าก่อนทายานี้ เพราะอาจเพิ่มโอกาสการระคายเคืองผิวจาก เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ได้เป็นอย่างมาก

03

สุดท้ายจึงแต้มไวท์เทนนิ่งหรือครีมลดจุดด่างเฉพาะจุด

แต้มเฉพาะบริเวณจุดด่างดำ ฝ้า กระ เท่านั้นในตอนเช้า และเย็น เพื่อลดการรบกวนหรือเพิ่มโอกาสการเกิดปัญหาผิวได้  แต่อยากให้มั่นใจว่า Prof.BHA Plus Serum มีสารธรรมชาติทีช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และริ้วรอยอยู่ด้วย การแต้มไวท์เทนนิ่งเพิ่มเติมจึงเป็นแค่ทางเลือกเสริมของท่าน

ใช้ในกลางวัน และ กลางคืน

Day

  1. บริเวณสิวอักเสบให้ทา Clinda Gel, Prof. All Solution or Moisturizer ที่ใช้อยู่ แนะนำเนื้อบาง ล้างออกง่าย ไม่เหนอะใบหน้า
  2. ทา Prof. Aktive.White หรือไวท์เทนนิ่ง ขนาด 1-2 หยด ทาทั่วหน้า
  3. ทาครีมอื่นๆ เช่น ครีมกันแดด

Night

  1. สิวอักเสบให้ทา Clinda Gel ดีกว่าแบบน้ำ, Prof. All Solution or Moisturizer ที่ใช้อยู่ แนะนำเนื้อครีมล้างออกง่าย ลดการอุดตัน
  2. Prof. BHA Serum ขนาด 1-2 หยด ทาทั่วใบหน้า
  3. ทา Prof. Aktive.White  หรือไวท์เทนนิ่ง ขนาด 1-2 หยด ทาทั่วหน้า
  4. ครีมลดริ้วรอยของท่าน

วิธีการทาจะช่วยลดความเสี่ยงการระคายเคืองได้ "ทาหลังครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นของท่าน"

หลังจากใช้ Prof. BHA Plus Serum ในช่วง 2 - 4 สัปดาห์แรก มีโอกาสผลัดสิวอุดตันเก่าให้ตื้นขึ้นจนสัมผัสได้มากขึ้น เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การแพ้ แต่เป็นธรรมชาติของการออกฤทธิ์ของ BHA โดยธรรมชาติ การไปสะกิดสิวอุดตันออกที่คลินิก จะทำให้สามารถควบคุมสิวได้รวดเร็วมากขึ้น  เมื่อใช้ Prof. BHA Plus Serum อย่างต่อเนื่องจะสามารถลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้ในระยะยาว 

หากมีอาการคัน แสบ แดง ร้อน จากการใช้ Prof.BHA Plus Serum และยาสิวอื่นๆ ให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์

* ยาละลายสิวทุกตัว มีโอกาสกระตุ้นการเกิดสิวอักเสบ 20%

คำแนะนำในการรักษาสิวด้วยเวชสำอางค์จาก Prof.

กดสิวที่คลีนิคเป็นประจำ

  1. ใช้ BHA แล้วกระตุ้นสิวเห่อโอกาสขึ้นกับปริมาณสิวอุดตันเก่าที่มี ซึ่งน้อยกว่ามากหากเทียบกับยาละลายอุดตันกลุ่มอื่น
  2. กดง่ายขึ้น ลดโอกาสอักเสบหลังจากเกิดสิวได้ดีขึ้นด้วย
  3. ใช้ร่วมกับ Differen, Benzac และยาสิวตัวอื่นๆได้แต่ระวังระคายเคือง


สิวอุดตันเยอะมาก

กดสิว

  • ใช้ BHA ต่อเนื่อง 2 Weeks หัวสิวจะหลวม กดง่ายขึ้น
  • 6 Weeks ส่วนใหญ่สิวลดลง ใช้ต่อเนื่องคุมสิว – ลดอักเสบ
  • ความมันบนหน้าจะลดลง ผลจากสภาพผิวสมดุลมากขึ้น

ไม่กดสิว

  • ทา BHA หลังมอยเจอร์ AllSolution ลดโอกาสระคายเคือง
  • ในรายที่เห่อหยุดใช้ อาการนี้จะดีขึ้นภายในเดือนแรก

สำหรับผิวแพ้ง่าย

  • บางรายเข้าใจว่าแพ้ แต่ที่จริงระคายเคืองใช้ยาสิวทุกชนิดเกิดได้หมด
  • หากระคายเคือง ให้หยุดใช้ยาละลายสิวทุกตัว ทาต่อยิ่งระคายเคือง
  • สัญญาณระคายเคืองตึง แดง คัน แสบ ขุยใช้หยุดยาทาสิวทั้งหมด ทาเฉพาะมอยเจอร์ 2 – 4 สัปดาห์ จนอาการดีขึ้นแล้วจึงกลับมาเริ่มใช้เฉพาะ BHA หลังจากนั้นจึงค่อยปรับใช้ ยาสิวอื่นๆ
  • ทา BHA หลังครีมมอยเจอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นทั่วหน้าเท่านั้น เฉพาะตอนเย็น เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
  • ทาต่อเนื่องได้โดยไม่เกิดอาการติด เพราะไม่มีสเตียรอยด์สารปรอท